Thaimisc.com - Please Ctrl+DBookmark Now!

WEB BOARD


ขอให้คุณอิทธพงศ์เข้ามาบ่อยหน่อยครับ
ผมพึ่งเข้ามาพบเว็บนี้แล้วอ่านพบกระทู้ที่คุณอิทธพงศ์ (ถ้าพิมพ์ชื่อผิดต้องขออภัยด้วยครับ) ตอบแล้วชอบมาคือมีความเป็นกลาง เป็นอุเบกขา เหตุเพราะเป็นเรื่องความเชื่อของแต่ละบุคคลที่มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา และต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะชอบและศรัทธาในศาสนาพุทธเป็นลัทธิที่มีเหตุและปัจจัย เมื่อมีเหตุมีปัจจัยจึงมีผลที่ตามมา ผมขอรบกวนให้คุณอิทธิพงศ์ช่วยตอบเกี่ยวกับเรื่อง กรรม ด้วยครับ เหตุเพราะศาสนาพุทธเป็นลัทธิกรรมนิยม ทำอย่างไรถึงจะเป็นกรรมดีและดีที่สุดการบวชเรียนโดยเป็นภิกษุสงฆ์ถือเป็นการทำกรรมดีที่สุดหรือยังครับ
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ
โดยคุณ : mink - [ 18 เม.ย. 2003 , 15:36:07 น. ]

ตอบ
เรียนคุณ mink

คำว่า "กรรม" เป็นคำกลางๆ แปลว่าการกระทำ หากก่อเหตุดี ก็ถือเป็นกรรมดี เรียกว่าบุญ ย่อมให้ผลตอบแทนที่ดี หากก่อเหตุไม่ดีก็ถือเป็นกรรมชั่ว เรียกว่า บาป ย่อมให้ผลตามนั้น เปรียบได้ว่าหว่านพืชชนิดใด ย่อมได้ผลสิ่งนั้น หากปลูกมะม่วง ย่อมได้ผลเป็นมะม่วง จะได้ผลเป็นมะนาวก็หาไม่ ณ ที่นี้ขอกล่าวเฉพาะเหตุแห่งกรรมดี คือการทำบุญ การประพฤติที่ให้ได้มาซึ่งบุญ ในทางพระพุทธศาสนามีด้วยกันทั้งสิ้น 10 วิธี เรียกว่า "บุญกิริยาวัตถุ 10 คือเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งบุญ 10 ประการ กล่าวคือ
1.การให้ทาน (ทานมัย)
2.การรักษาศีล (ศีลมัย)
3.การเจริญภาวนา (ภาวนามัย)
4.การอ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนมัย)
5.การช่วยเหลือสังคมรอบข้าง (ไวยาวัจจมัย)
6.การเปิดโอกาสมาร่วมทำบุญกับเรา
7.การยอมรับ และยินดีในการทำความดี หรือการทำบุญของผู้อื่น (ปัตตานุโมทนามัย)
8.การฟังธรรม (ธรรมสวนมัย)
9.การแสดงธรรม (ธรรมเทศนามัย)
10.การทำความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม (ทิฏฐุชุกรรม)

โทสะ เป็นหนทางนำสู่การไปเกิดเป็นสัตว์นรก
โลภะ เป็นหนทางนำสู่การไปเกิดเป็นเปรต และอสูรกาย
โมหะ เป็นหนทางนำไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ศีล 5 และกุศลกรรมบท 10 เป็นหนทางนำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์
มหากุศล 8 เป็นหนทางนำไปเกิดบนโลกสวรรค์
สมถกรรมฐาน นำไปสู่พรหมโลก
วิปัสนากรรมฐาน นำสู่พระนิพพาน

ตั้งแต่ชั้นพรหมลงไปจนถึงสัตว์นรกถือได้ว่ายังเป็นสัตว์โลกทั้งหลายที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ทั้งสิ้น ขอจงอย่าประมาทในกรรม แม้ว่าจะปฏิบัติดีจนได้บรรลุฌาน ได้บรรลุอภิญญาแล้ว ก็เสื่อมได้ ดังตัวอย่าง เช่นพระเทวทัต แม้ทุกวันนี้ก็ยังลงไปอยู่ในอบายภูมิเป็นต้น
ดังที่เราได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เรา คือสัตว์โลกทั้งหลาย ได้เวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับภพไม่ถ้วน เราเป็นมาแล้วต่างๆ นาๆ ได้ประพฤติกรรมมาแล้วมากมายทั้งดี และชั่ว ตามแต่กิเลสจะนำไป อานิสงฆ์ที่นำเรามาเกิดในมนุษย์โลกนี้ก็เนื่อยงด้วย เหตุที่ เราเป็นผู้ประพฤติศิล 5 มาในอดีต แม้ในชาติปัจจุบัน อย่างน้อยที่สุดเราจะต้องประพฤติอยู่ในศิล 5 เป็นอย่างน้อย จึงจะสมกับที่เราจะเรียกตนเองว่าเป็นมนุษย์ ส่วนเรื่องศีลที่ยิ่งๆขึ้นไปหากประพฤติได้ก็จะยิ่งเป็นการดียิ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม สำคัญอยู่ที่การปรับทิฏฐิให้เป็นสัมมา ซึ่งถือเป็นบุญกิริยาวัตถุข้อที่ 10 ที่สำคัญยิ่งนัก ถือเป็นหางเสือที่จะนำพาเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง

เชื่อว่าบุคคลที่เข้ามาใน web นี้ ทุกท่านต่างก็เป็นผู้ประสงค์ดีประพฤติดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปทั้งสิ้น ขอให้ตั้งใจ สิ่งที่ทำนั้นดีอยู่แล้ว การปรับสัมมาทัศนะให้เหมาะสมถูกทางถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ขอให้โชคดีทุกท่าน


โดยคุณ : อิทธิพงศ์ - [ 21 เม.ย. 2003 , 16:21:36 น.]

ตอบ
ทีนี้มากล่าวกันถึงเรื่องศีล

“ศีล” ถือเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติความดี และการปฏิบัติธรรมในลำดับที่ยิ่งๆขึ้นไป อันได้แก่การปฏิบัติขั้นสมาธิ และขั้นการสร้างปัญญาให้งอกงามขึ้นได้แก่การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งถือเป็นประตูสู่กระแสพระนิพพาน ดังนั้น ผู้ที่จะเจริญธรรมยิ่งๆขึ้นไปจะต้องเริ่มจากการประพฤติศีลให้สมบูรณ์ อันได้แก่ ศีล 5 ศีล 8 อุโบสถศีล และศีล 227 หรือแม้ศีล 327 ก็ตาม ศีลแต่ละลำดับขั้นถือเป็นวินัยในการปฏิบัติตนตามแต่ความพร้อมในสถานะแห่งตน กล่าวคือ หากตนยังไม่พร้อม การรับศีลในลำดับที่สูงขึ้นไป หากละเมิดแล้วจะเกิดโทษเป็นบาปขึ้นกับตนเองเปล่าๆ ข้อนี้เองผู้มีปัญญาจะเป็นผู้ที่เลือกรับศีลให้เหมาะกับสถานะและความพร้อมของตน เพราะการปฏิบัติธรรมในลำดับสูงยิ่งๆขึ้นไปจนบรรลุมรรคผล สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ผู้ที่ประพฤติศีล 5 และผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะสามารถพัฒนาจิตของตนเองให้เข้าถึงสภาวะที่พร้อมในศิลลำดับที่สูงขึ้นโดยไม่ทำให้ฝืนตนอันจะง่ายต่อการลุศีลขึ้นได้ ดังนั้น จะเห็นว่าศักดิ์และสิทธิในการบรรลุธรรม เริ่มได้ตั้งแต่ผู้ที่ประพฤติศีล 5 เป็นต้นไป หากมีความสมบูรณ์ในศีล มีความเพียรในธรรม เจริญวิปัสสนาก็สามารถบรรลุพระโสดาบันได้ ดังตัวอย่างเช่น นางวิสาขา ท่านอนาบิณฑิกเศษรฐี ท่านสุปปะพุทธกุฏฐิ นางขุตฉุตตรา พระนางสามาวดี เป็นต้น

ลำดับของศีล แม้จะมีอานิสงส์ที่แตกต่างกันก็จริง กล่าวคือ ผู้ที่ประพฤติศีล 8 ศีล 10 ย่อมได้อานิสงส์ที่สูงกว่าผู้ที่ประพฤติศีล 5 ส่วนศีล 227 ก็ย่อมประเสริฐกว่าผู้ที่อยู่ในศีล 5 ศีล 8 และศีล 10 เป็นต้น แต่ขอให้พึงทำความเข้าใจให้ดี เมื่อครั้งพุทธกาลผู้ที่ประพฤติศีล 327 แม้ 100 ปี ก็ต้องกระทำอัญชลีแก่ผู้ที่ประพฤติศีล 227 แม้เพียงวันแรก นั่นจึงถือได้ว่าลำดับการเมื่อพ้นจากศีล 10 ขึ้นไปแล้ว ศีลที่เพิ่มขึ้นมาถือเป็นเพียงวินัยที่ผู้ประพฤติต้องรักษาไว้ให้เคร่งคัดตามพระวินัยเท่านั้น แต่มิได้หมายความถึงผู้ที่มีศีลมากข้อกว่าจะเป็นผู้ประเสริฐ และเป็นหนทางแห่งการบรรลุธรรมได้มากกว่าแต่ประการใดไม่

ศีล 227 และ ศีล 327 พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติกฎระเบียบในการนำตนเข้ามาประพฤติโดยเคร่งคัด มีรูปแบบขั้นตอนและพิธีการที่เฉพาะตัว ต้องมีพระอุปัชฌาย์ตามพระวินัยสืบทอดต่อกันมาโดยมิขาดสาย ผู้ใดก็ตาม แม้ประกาศตนว่าเป็นผู้ถือศีล 227 ข้อ แต่มิได้มีอุปัชฌาย์หรือการยอมรับจากคณะสงฆ์อย่างถูกต้องตามสายพระธรรมวินัยแล้ว จะมาประกาศตนเองว่าเป็นพระสงฆ์ย่อมมิบังควร คงต้องเรียกตนเองว่าอย่างอื่นไป หรือไม่เช่นนั้นก็มาบวชให้ถูกต้องเสีย และในกรณีศีล 327 ก็ถือเป็นกรณีเดียวกัน ต่างกันตรงที่ว่าภิกษุณีได้ขาดสายขาดช่วงสืบทอดมานานแล้วอันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจยิ่งต่อพุทธบริษัททั้งหลาย จึงไม่สามารถจะสืบทอดได้อย่างถูกต้อง แม้ปัจจุบันจะมีการกล่าวอ้างถึงการสืบทอดมา ก็เป็นที่กังขาคาใจยอมรับไม่ได้ ขอนี้พึงตระหนักให้ดี มิใช่เป็นเรื่องของการกีดกันกันแต่ประการใด โปรดอย่าโทษพระคุณเจ้าทั้งหลายที่ไม่ยอมรับเลย ไม่มีพระคุณเจ้ารูปไหนที่จะกล้าถือสิทธิอุปโลกตนขึ้นมาเองได้ว่าเอาละฉันจะยอมอนุโลมให้แก่เธอ เพราะเนื้อแท้แห่งความจริง การจุดประกายที่จะเกิดขึ้นมาก็ย่อมกลายเป็นการสถาปนาตนขึ้นมาเองเท่านั้นถือเป็นโมฆะหาใช่เป็นของจริงไม่

กระนั้นก็ตามการประพฤติดีประพฤติชอบถือเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนายิ่ง การประพฤติดีอันอยู่ในศีล ข้อนี้ผู้ประพฤติต้องบรรลุผลดีแล้ว สิ่งนี้เป็นหนทางแห่งความเจริญ แต่จะเหมาะสมยิ่งหากจะเรียกตนเองเป็นอย่างอื่นไม่ว่าอะไรก็ตามก็ดูเหมาะสมดูงดงามได้ เฉกเช่นหลายสำนักที่ประพฤติได้ดีและเป็นที่อนุโมทนาบุญ เป็นที่ศึกษาพระธรรมให้แก่ทั้งบุรุษและสตรีเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่ง ยิ่งมีความตั้งใจสูงในการประพฤติธรรมด้วยแล้ว ความสำเร็จในธรรมคงยิ่งได้สูงตามฐานะอันเหมาะสมแก่บารมี แต่การที่จะนำสถานะแห่งภิกษุณีมากล่าวอ้างเช่นในปัจจุบัน ย่อมเป็นที่แคลงใจและไม่งามเลย

สำหรับสตรีผู้ที่กำลังคิดว่าเป้าหมายจะต้องบวชเป็นภิกษุณีให้ได้นั้น ขอนำสติกลับมาเถิด การที่ท่านประพฤติปฏิบัติธรรมเช่นนี้นั้นดีอยู่แล้วโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ขออย่าให้เป้าหมายสูงสุดของท่านนั้นไปติดอยู่เพียงการเป็นหรือไม่เป็นภิกษุณีนี้เลย แม้จะได้มาด้วยอำนาจใดๆก็ตามทั้งด้านกฎหมาย ทั้งการเรียกร้องสิทธิที่นิยมประพฤติกันในพุทธศตวรรษนี้ พระคุณเจ้าทั้งหลายท่านไม่อาจต่อกรใดๆทั้งสิ้นด้วยอาจเกรงว่าจะเสียวินัยและจริตแห่งสงฆ์ กรอปกับท่านทราบดีว่าความจริงแล้วสิ่งที่อาจเกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะแต่งเหมือนขนาดไหนก็ย่อมถึงซึ่งโมฆะ

ที่สุดแล้ว แม้มีเหตุต้องเป็นไป เราชาวพุทธก็ยังถือเป็นการดีแม้ในส่วนลึกของจิตใจจะทราบว่ามิใช่ของจริง ก็ไม่เป็นไร หากสิ่งนี้ได้เป็นอุบายทำให้คนเข้ามาประพฤติธรรมได้ ก็อนุโลมด้วยกุศลจิต แม้อีกไม่เกิน 2500 ปีข้างหน้าภิกษุเองก็จะสาปสูญเช่นกัน

ขอให้โชคดี มีความสุข และเดินทางสู่นิพพานโดยไว
โดยคุณ : อิทธิพงศ์ - [ 23 เม.ย. 2003 , 17:28:56 น.]

ตอบ
อยากรู้ว่าศีล8มีอะไรบ้าง
โดยคุณ : ธิดารัตน์ - ICQ : - - [ 8 พ.ย. 2003 , 10:28:03 น.]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รายละเอียด



กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียวครับ....