.. บุษบรรณ จีนเจริญ กับการเจริญกายคตสติ ในสวนสมใจนึก กับความประทับใจในการอยู่วัตรตลอด 10 วัน

     ในช่วง 5 วันแรกที่ข้าพเจ้าได้เข้ามารักษาศีลและปฏิบัติธรรมที่วัตรทรงธรรมกัลยาณี  ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายทั้งในเรื่องที่ได้จากการทำงานลำพัง และการอยู่ร่วมกับสมาชิกในสังฆะซึ่งต่างจากสังคมที่ข้าพเจ้าเคยชินมาเป็นเวลา 10 ปี จากชีวิตการทำงานและชีวิตที่บ้านของข้าพเจ้า

      ในส่วนของการทำงานตามลำพังนั้น หลวงแม่ธรรมนันทาได้กรุณาไว้วางใจให้ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลืองานของวัตรตามกำลังสติปัญญาของข้าพเจ้า ด้วยการถอดเทปธรรมบรรยายภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งหลวงแม่ได้บรรยายไว้ก่อนหน้านี้ในโอกาสต่างๆและทุกวันอาทิตย์ รวมทั้งได้สนทนากับหลวงแม่ในเวลาต่างๆที่อยู่ในวัตร ข้าพเจ้าจึงได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะจากการบรรยายของท่านด้วยการอ่านและการฟังในช่วงเวลานี้  เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนที่มีทักษะในการฟังไม่สู้ดีเท่ากับการอ่าน การได้ถอดเทปและพิมพ์บทบรรยายในคราวเดียวกันจึงทำให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจในธรรมะเรื่องนั้นๆดีขึ้น ในช่วง 5 วันนี้ ธรรมบรรยายแรกที่ข้าพเจ้าได้จัดพิมพ์คือ เรื่องการทำสมาธิและเทคนิคในการหายใจสำหรับชาพุทธ  โดยหลวงแม่สอนให้กำหนดลมหายใจที่ 3 ฐานคือ ที่ปลายจมูกตรงส่วนที่ลมหายใจเข้าสัมผัส จุดที่สองคือที่กลางสมอง และจุดสุดท้ายคือกลางท้อง  พร้อมกับภาวนา พุทธะเมตตา ซึ่งนับเป็นการฝึกสมาธิเบื้องต้นและสำรวมใจไม่ให้วอกแวก และให้จิตนิ่งเป็นสมา คำสอนนี้ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องในขณะที่ข้าพเจ้าตั้งใจมารักษาศีลและปฏิบัตรธรรมที่วัดทรงธรรม และสามารถนำกลับไปใช้กับชีวิตประจำวันของข้าพเจ้าได้    

      เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของ “อนัตตา” คือการไม่มีตน เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังและเริ่มพิมพ์บทบรรยายนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้นำข้อธรรมะมาย้อนคิดถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้นว่า  แม้ตัวของเราเองซึ่งเราคิดว่าร่างกายนี้เป็นของเรา ยังมีการเปลี่ยนแปลงเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่แน่นอน หากเรานำธรรมะข้อนี้มาพิจารณาความเป็นไปรอบๆตัวเราและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน พยายามใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเราเอง ว่า ในขณะหนึ่ง เรามีลักษณะนิสัย มีความรู้สึกนึกคิดแบบหนึ่ง เมื่อกาลเวลาผ่านๆไป เราซึ่งเป็นคนที่มีกายเนื้อคนเดิม  อาจมีความคิดที่เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งตามเวลา ซึ่งทำให้เรากลายเป็นคนอีกคนหนึ่งไปได้ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ควรยึดติดกับสิ่งใดๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่า สิ่งๆนี้ต้องเป็นของเรา หรือเพื่อนของเราคนนี้จะต้องเป็นเพื่อนคนเดิม เหมือนเดิมตลอดไป เพราะเขาก็ย่อมเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ ตามกาลเวลา เหมือนมีเกิด ก็มีดับ ถ้าเราไม่ยึดติดว่า นี่คือตัวตนของเรา ของเขา หรือสิ่งนี้เป็นของเรา เราก็จะไม่เกิดความโกรธ ความโลภ หรือความหลง ใจเราก็จะไม่เป็นทุกข์
      เพชร หรือ บุษบรรณ จีนเจริญ จบการศึกษาปริญญาโท สาขานิเทศศาสตร์ จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ปัจจุบันทำงานในฝ่ายกิจการสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด
      นอกจากนี้ หลวงแม่ยังได้กรุณาเทศน์ในตอนค่ำ หลังจากการทำวัตรเย็นไว้อีกหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจ และจดจำได้ นอกจากการอบรมจิต  เจริญภาวนา ทำสมาธิ แล้ว ก็คือ เรื่องของความผูกพัน และเรื่องวันไหว้ครู  ในเรื่องความผูกพัน  ธรรมะในข้อนี้มีความเนื่องกับเรื่องของอนัตตา  คือถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือเอาจิตของเราไปผูกกับอารมณ์ ยินดีเมื่อได้พบกับคนที่เราคุ้นเคย และดำรงตนสำรวมใจไม่ให้ติดกับอารมณ์เวลาที่เขาจากไป เราก็จะไม่ทุกข์
      ในเรื่องวันไหว้ครู ประสบการณ์ที่หลวงแม่ได้กรุณาถ่ายทอดตัวอย่างเรื่องครูของท่าน และความหมายของคำว่า
“ครู” นั้นประทับใจข้าพเจ้ามาก เนื่องจากข้าพเจ้าเคยศึกษาในโรงเรียนที่เปรียบเสมือนโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้องกับโรงเรียนของท่าน จึงทำให้สามารถจินตนาการเห็นลักษณะของครู และเข้าใจสิ่งที่ท่านได้กล่าวถึงเป็นอย่างดี  ความสำคัญอยู่ที่ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นครูในลำดับสูงสุดของพุทธสาสนิกชนทุกคน  หรือแม้แต่การเรียนรู้ธรรมะหรือสิ่งใดๆก็ตาม มิได้เกิดจากการท่องจำบทสวด หรือพระธรรมคำสั่งสอนหรือพระวินัยที่ได้บัญญัติไว้ แต่เป็นเรื่องของการเรียนรู้จากการสังเกต การหมั่นอบรมจิตใจของตนให้อยู่ในศีลธรรม ละความโลภ โกรธ หลงอันเป็นบ่อเกิดของการเกิดทุกข์ และไม่ติดกับอารมณ์ ตั้งสติรับฟังผู้อื่น และคิดแก้ไขปัญหาโดยใช้ปัญญา ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งต่างๆที่หลวงแม่กรุณาสอนนี้ เป็นธรรมะที่ทำให้คนที่เรียนรู้ธรรมะมาน้อยอย่างข้าพเจ้าเข้าใจชีวิตของตนเองมากขึ้น และเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าจะน้อมนำหลับไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง เพื่อจะได้มีสติอยู่ทุกเมื่อ

       ในส่วนของการทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในสังฆะ ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆทุกคนที่นี่ ที่ทำให้ชีวิตในแต่ละวันของข้าพเจ้าที่วัตรฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ข้าพเจ้ายอมรับว่า ข้าพเจ้าไม่เคยทำงานบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็น “คุณหนู” ตามที่หลวงแม่ท่านบัญญัติไว้ให้ เด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในกรุงเทพฯ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ซึ่งสิ่งที่พ่อแม่ให้ได้ดีที่สุดสำหรับลูกๆคือการศึกษา และได้ผ่านอุปสรรคปัญหาในชีวิตมาพอสมควร  หากแต่ว่าในแต่ละวันของชีวิตการทำงาน จะเริ่มตั้งแต่ 7.00 . และสิ้นสุดประมาณ 19.00 . เป็นอย่างเร็ว จากนั้นข้าพเจ้าก็จะใช้เวลาพักผ่อนออกกำลังกายก่อนกลับบ้าน ซึ่งงานบ้านทุกอย่างก็จะมีผู้ดูแลให้หมดแล้ว ยกเว้นเวลาที่ข้าพเจ้าออกไปปฏิบัติงานต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน ก็จะมีโอกาสใช้วิชาการเรือนที่ร่ำเรียนมาเป็นบางครั้ง เมื่อมาอยู่ที่วัตร ข้าพเจ้าได้มีโอกาสจับไม้กวาด จับฆ้อน เก็บดอกไม้ถวายพระให้หลวงแม่ในตอนเช้า ถูพื้น ฯลฯ งานต่างๆมิได้ใช้แต่เพียงแรงงานเพียงอย่างเดียว  แต่เป็นโอกาสที่จะทำให้ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในสังฆะ ลดพื้นที่ระหว่างบุคคลลงไป รวมทั้งเป็นการฝึกให้มีสติ และสมาธิในการทำงานด้วย

        นอกจากนี้ งานบางอย่างทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นว่า แม้แรงของผู้หญิงเพียงเล็กน้อย หากมีความสามัคคีในหมู่คณะ มีความตั้งใจ ฝึกฝนให้เกิดทักษะ ก็จะเกิดปัญญาในการทำงาน ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่า ได้ทำงานไม่สมกับที่เพื่อนๆทุกคนเหนื่อยกัน
       
        นอกจากกิจกรรมที่หลวงแม่เรียกว่า
“งานโยธา” แล้ว ข้าพเจ้ายังมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ด้วยการสนทนาภาษาอังกฤษ โดยจะสอนวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง  การสนทนานี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ และรู้จักแต่ละคนและมีความคุ้นเคยกันมากขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างในชีวิตของพวกเขา รวมทั้งได้เรียนรู้ถึงการช่วยเหลือ ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างจริงใจตามวิถีชีวิตแบบโพธิสัตต์    อย่างที่ข้าพเจ้าหาไม่ได้ในสังคมคนเมือง

        อีกกิจกรรมหนึ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจมากที่สุดก็คือ การได้ติดตามหลวงแม่ออกบิณฑบาต ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับผู้คนและธรรมชาติสองข้างทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากในชีวิต สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่รู้สึกล้าหรือเหน็ดเหนื่อยจากการเดินตามหลวงแม่ออกบิณฑบาตตามเส้นทางข้างหลังวัดเป็นระยะทางไกลในวันอาทิตย์และวันพระ ก็คือ ความอิ่มใจ  อิ่มใจที่ได้เห็นผู้คนซึ่งมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่มีอคติทางเพศ และไม่มีมายาคติ ที่ร่วมทำบุญกับภิกษุณีสงฆ์ ผู้ทำหน้าที่จรรโลงพระศาสนาอย่างหลวงแม่ธัมมนันทา ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบโดยแท้จริง ข้าพเจ้าพยายามที่จะเดินตามหลวงแม่ด้วยความสำรวมกิริยาและสำรวมจิตใจให้สงบนิ่งที่สุดทุกครั้ง  ข้าพเจ้าประทับใจในเวลาที่หลวงแม่ให้พรแก่ผู้ที่ใส่บาตร เพราะพรที่หลวงแม่ให้นั้น ต้องเรียกว่า เป็นพร แบบ Tailor-made สำหรับแต่ละครอบครัว ซึ่งข้าพเจ้ายอมรับว่าในชีวิต 30 กว่าปีของข้าพเจ้าที่เป็นชาวพุทธ ไม่เคยได้ยินพระสงฆ์รูปใด ให้พรได้เฉพาะเจาะจงกับแต่ละครอบครัว รวมไปถึงผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้น เช่นลูกค้าของเจ้าของร้านค้าที่มาใส่บาตร ได้อย่างที่หลวงแม่ธัมมนันทา ทำมาก่อนเลย สิ่งที่ท่านได้อธิบายไว้ให้แก่ชาวสังฆะฟังก่อนออกบิณฑบาตว่า การบิณฑบาตเป็นประเพณีของสงฆ์ที่ควรจรรโลงไว้ ให้ผู้คนได้มีโอกาสทำบุญ ทำให้เราได้รู้จักชุมชนโดยรอบ และเผยแผ่ธรรมะและพระศาสนาให้พวกเขได้ซึมซับไปทีละน้อย สิ่งเหล่านี้นับวันสังคมพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีเหลือน้อยเต็มที วัดไม่ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมทางจิตใจและศูนย์รวมทางการศึกษาและแก้ผู้คนและชุมชนอย่างแต่ก่อน

      ดังนั้น ในระยะเวลาที่ผ่านมา 5 วัน ข้าพเจารู้สึกดีใจที่ได้มีวาสนามาพบและศึกษาธรรมะจากพระภิษุณีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบรูปนี้ในฐานะที่เป็นสาวกของพระศาสดา ที่ไม่ละเลยที่จะถ่ายทอดธรรมะและข้อคิดให้กับผู้ที่อยู่ในสังฆะของท่านอยู่เสมอ นอกจากท่านจะอบรมธรรมะแล้ว ท่านยังดูแลทุกๆคน ไม่เว้นแต่ข้าพเจ้าผู้มาใหม่ เหมือน “แม่” ที่ดูแลลูกๆของท่าน ทั้งกิริยามารยาท สอนเรื่องต่างๆจากธรรมชาติ และข้อคิดต่างๆที่ข้าพเจ้าน้อมรับไปใช้เมื่อกลับออกไปสู่โลกภายนอก นอกจาก 2 ฐานะที่กล่าวแล้ว ข้าพเจ้ายังรู้สึกชื่นชมท่าน ในฐานะนักปฏิวัติ นักพัฒนา และผู้นำชุมชนที่ข้าพเจ้าไม่เคยมีโอกาสได้เห็นนัก เพราะหลวงแม่ไม่เคยแสดงตนว่าท่านเป็นผู้นำเลย ท่านจะลงมือปฏิบัติก่อนเสมอ คำว่า “ผู้นำ” ในบริบทของวัตนทรงธรรมฯจึงต่างไปจากผู้นำในที่อื่นๆที่ข้าพเจ้าได้เคยสัมผัส  หากสังเกตและพยายามเรียนรู้จากท่าน ก็จะได้ข้อคิดต่างๆกลับไปทุกครั้ง

      ถึงแม้ว่าข้าพเจ้ายังมีเวลาเหลือที่จะได้ปฏิบัติธรรมกับท่านอีก 6 วัน แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีอะไรอีกมากมายที่ข้าพเจ้ายังอยากที่จะเรียนรู้จากท่าน เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าอยากมีเวลาได้ปฏิบัติธรรมและศึกษาพุทธศาสนาในแนวทางที่ท่านสอนให้มากขึ้นอีก เพราะเป็นแนวทางที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ซึ่งหากข้าพเจ้ามีโอกาสและหมดภาระที่วุ่นวายแล้ว ข้าพเจ้าอยากที่จะมาบวชเพื่อเจริญรอยตามหลวงแม่ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป คงจะไม่มีครูท่านใด ในทางพุทธศาสนาที่สามารถสอนข้าพเจ้าให้เข้าใจชีวิตได้เทียบเท่ากับหลวงแม่อีกแล้ว                                                  เพชร  

กลับหน้า   บ้านพักใจ

 วัตรทรงธรรมกัลยาณี เลขที่ 195 ถนนเพชรเกษม ต. พระประโทน อ. เมืองฯ จ. นครปฐม 73000
โทร. (034) 258-270 โทรสาร (034) 284-315   E- mail : [email protected]
Copyright (c) 2002-2003 Thaibhikkhunis.org  All rights reserved.