พิธีเปิดงานประชุมนานาชาติ

     เรื่อง สตรี - ศาสนา - โลกาภิวัตน์ 

      พิธีเปิดการประชุมนานาชาติ เรื่อง สตรี - ศาสนา - โลกาภิวัตน์ จัดขึ้นที่ห้องโถงพยอม โรงแรม อมารี จ. เชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมประชุมจาก ๒๖ ประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งเป็นกรรมการของศานติสภา เช่น สมเด็จพระมหาโมษะนันทะ ( เขมร ), ซิสเตอร์ โจน ชิตทิสเตอร์ ( คาธอลิก ) อาจารย์ จุงฮยุนคยุง ( โปรเตสแตนท์จากเกาหลี ) ภิกษุณีธัมมนันทา ( ไทย ) เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งเป็นสตรีผู้นำนานาชาติ ซึ่งได้ทำงานเกี่ยวกับสุขภาพและการวางนโยบายทางสังคม

      เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ศานติสภา มาจัดประชุมที่ประเทศไทย ผู้มาร่วมประชุมล้วนต่างชาติต่างศาสนาและ วัฒนธรรม การจัดพิธีเปิดงานจึงเน้นความ เป็นพุทธแบบไทย ผสมกับประเพณีพื้นบ้านของเชียงใหม่
      ภิกษุณีธัมมนันทา ได้กล่าวนิมนต์ หลวงปู่เจ้าคุณพระพุทธพจน์วราภรณ์ วัดเจดีย์หลวง เป็นผู้นำในการกล่าวอวยพรให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม ต่อจากนั้นเป็นพระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัด และ เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม และพระราชวิมลเมธี รองเจ้าคณะภาค ฯ และเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา แต่ละองค์ได้เมตตาให้ข้อคิดทางธรรมและอวยพรให้การประชุมดำเนินไปด้วยดีและประสบความสำเร็จ
      สว. ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช กรุณารับเชิญมากล่าวปราศรัย และเปิดงานสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมโดยทั่วกัน
      หลังจากที่พระผู้ใหญ่กลับแล้ว ได้มีพิธีบายศรีสู่ขวัญ และผูกข้อมือเป็นการรับขวัญแก่ผู้เข้าร่วมประชุมต่างชาติต่างศาสนา การประชุมดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ ๓ มีนาคม ทุกคนที่ได้สัมผัสกับพิธีเปิดงาน ต่างพอใจและประทับใจในพิธีพื้นบ้าน และความเคารพในคณะสงฆ์ของชาวไทย ข้อตกลงในการประชุมได้ลงพิมพ์โดยแยกไว้อีกหัวข้อหนึ่งต่างหาก

ภาพกิจกรรม 

 
       ภิกษุณีธัมมนันทา ถวายการแปลไปในขณะ ที่พระราชวิมลเมรีกล่าวอำนวยพรแก่คณะผู้ที่เข้า ร่วมประชุม จาก ๒๖ ประเทศ

     จากซ้ายไปขวา สมเด็จพระมหาโฆษะนันทะ จากเขมร พระเทพวิรุทริคุณ พระราชวิมลเมรี


      คุณระเบียบรัตน์ พงษ์พาณิช สว. จากจังหวัดขอนแก่น ผู้ให้การสนับสนุน เรื่องภิกษุณี กล่าวเปิดประชุมในการประชุมนานาชาติ ที่ ร.ร อมารี จ.เชียงใหม่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗

       พระเทพวิชทริคุณ กล่าวอำนวยพร โดยมีภิกษุณีธัมมนันทา ถวายการแปลเป็นภาษาอังกฤษ

     ภิกษุณีธัมมนันทา กล่าวตอนรับผู้เข้าร่วมการประชุม "สตรีและศาสนา : ความเสมอภาคทางเพศในยุคโลกาภิวัตน์"