อบรมพุทธสาวิกา รุ่นที่ ๕๑ |
จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑-๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ เพื่อบูชาตอบแทนคุณของแม่ มีผู้เข้าร่วมอบรมมากกว่า ๒๒ ท่าน หากดูจากภาพจะเห็นน้องเล็กสุดประจำรุ่น น้องเผ้ย เผ้ย เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้แข็งแรงน่าดูเลยนะคะ ส่วนอายุโดยเฉลี่ยของรุ่นนี้ คิดไม่ค่อยออกค่ะ เพราะมันเป็นเพียงแค่ตัวเลข จริงไหมเจ้าคะ ![]() ภาพนี้เราถ่ายหลังกลับจากบิณฑบาต บนเนินธรรม ในสวนสมใจนึก หน้าวิหารที่กำลังสร้างค่ะ แดดกำลังดีเชียวค่ะหากนึกสงสัยว่า พวกเรามาทำอะไรกันบ้างใน ๓ วันที่ผ่านมา ลองคลิกอ่านดูซิคะ ก่อนอื่นเราเริ่มเข้าอบรมด้วยกราบครูบาอาจารย์ (หลวงแม่ และหลวงพี่) กล่าวคำรับศีล ๘ หลวงแม่เมตตาเทศนาขณะพวกเรานั่งสมาธิเป็นเวลาประมาณ ๒๐ นาที จับใจความได้ดังนี้ค่ะ ตัวของผู้ที่มาเข้าอบรมเองต้องตั้งใจทำในสิ่งที่หลวงแม่ขอคือ หลังจากนั้นก็ฝึกสมาธิในแบบต่างๆ เช่น การนั่งสมาธิแบบภาวนา การนั่งสมาธิแบบเคลื่อนไหวมือ ๑๔ จังหวะ การเดินจงกลมแบบย่าง ยก เหยียบ และการเดินจงกลมแบบอิสรเอล (อันหลังนี้คงสงสัยหล่ะซิคะว่า เป็นแบบไหน อุบ อุบค่ะ ต้องมาลองเรียนกับหลวงพี่ธัมมธีราด้วยต้วคุณเอง...ปัจจัตตังเจ้าค่ะ) การที่วัตรเราสอนวิธีการนั่งสมาธิมากมาย เนื่องจากเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เข้าอบรมเองว่า ต้องค้นหาด้วยตัวเองว่า แบบไหนเหมาะกับเราค่ะ ![]() ตอนบ่ายหลังรับประทานอาหาร มีการออกกำลังกายแบบเบาๆ ชี่กงค่ะ ผู้เข้าอบรมต่างชื่นชอบกันอย่างมาก เนื่องจากหลังจากเล่นแล้วทุกคนรู้สึกได้ถึงชี่ที่เคลื่อนที่ผ่านฝ่ามือ พลังชี่ถ้านำมาลูบส่วนที่เมื่อยล้าเราก็จะรู้สึกดีขึ้น หากไม่ปวดเมื่อย ก็ลูบหน้าลูบตาผิวพรรณจะได้ผ่องใสค่ะ หลังจากสดชื่นกันถ้วนหน้าแล้ว หลวงพี่ก็สอนเรื่อง ปฏิจสมุปบาท แก้ไขโดยทางพ้นทุกข์ อริยสัจ ๔ = อริ (ทุกข์) + ย (ไกล) + สัจจ์ (สัจธรรม) = สัจธรรม ๔ ประการให้ไกลจากทุกข์ คำถาม "ทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร" โดยพระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นอย่างละเอียด ถึง ๑๒ ห่วงเชื่อมสัมพันธ์ต่อกันเป็นวงกลม เนื่องจากเริ่มตรงจุดไหนก็เหมือนกัน เพราะจะทำให้กระทบกันอย่างต่อเนื่อง จึงขอเริ่มจากอวิชชา ซึ่งรากเหง้าของความทุกข์เปรียบได้กับสัตว์ ๓ ชนิด ดังนี้ ดังนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า มรรค ๘ คือหนทางเพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรนี้ และฝึกการนั่งสมาธิเพื่อให้จิตละเอียดสามารถตัดห่วงไม่ให้ต่อเนื่องได้
![]() หลังจากเรียนจบชั้นก็ได้เวลาทำกิจกรรมช่วยงานวัตรกับหลวงแม่ วันนี้เราช่วยกันเคลื่อนย้ายดินจากทางเดินมาในเรือนเพาะ มั่วแต่ขนดินเลยไม่มีรูปมาอวดเลยค่ะ ว่าเห็นพวกเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่อึดกันไม่เบาเลยนะคะ โดยเฉพาะหลวงแม่จับจอบขุดดิน ฉับ ฉับ น้องเผ้ย น้องเผ้ย ก็ช่วยส่งต่อถังใส่ดินจากอาม่า เพื่อส่งให้คุณน้าเอาไปถ่มใต้ต้นไม้ ทำงานกันอย่างมีระบบเชียวค่ะ พอเคลื่อนย้ายดินเสร็จทางเดินก็สะอาดสะอ้าน แล้วแถมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงแม่อีกสักพัก ก่อนแยกย้ายไปอาบน้ำก่อนขึ้นโบสถ์ทำวัตรเย็นตอน ๑ ทุ่มค่ะ เลยเก็บบรรยากาศมาให้ชมกันค่ะ สวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จพวกเราก็มารวมตัวกันที่ห้องสมุดค่ะ หลวงพี่สอนให้พวกเราพันตุง โดยตั้งจิตภาวนาในขณะที่พันนึกถึงคุณแม่ ขอให้คุณแม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แถมเป็นการฝึกสมาธิอีกแบบด้วยค่ะ
![]() โดยมีเด็กน้อยขอลาไปเข้านอนก่อนค่ะ ![]() เช้าวันสดใส .... หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเช้าตอนตี ๕ ครึ่ง นั่งสมาธิ ฟังธรรม ทำจิตให้เป็นกุศล เพราะพวกเรากำลังเตรียมตัวเพื่อออกบิณฑบาตพร้อมกับหลวงแม่และหลวงพี่ค่ะ หลวงแม่สอนว่า คนใส่บาตรซึ่งมีจิตเป็นกุศลอยู่แล้ว หากใส่บาตรให้กับผู้ที่จิตใจสะอาดเป็นกุศล ผู้ใส่บาตรจะได้รับบุญมากค่ะ เลยเก็บบรรยากาศมาให้ชม ความรู้สึกแตกต่างจากการที่เราเคยเป็นคนใส่บาตรเอง ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านประทับใจมามากๆ ปิติกันถ้วนหน้าค่ะ ![]() ก่อนจากกันขอฝากรูปที่น่าประทับใจอีกสองรูปค่ะ ![]() "รวมพลคนรัก สว."
และขอจบวันแม่ด้วยภาพที่น่ารักอย่างนี้ค่ะ ----> ขอให้ทุกท่านมีแต่รอยยิ้มนะคะ
|