รางวัลผู้หญิงดีเด่น ๒๕๔๙ |
ทุกวันนี้ "ผู้หญิงไทย" เข้ามามีบทบาทในสังคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับการตอบรับจากสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของสถานภาพสตรีไทยในด้านการงานหรือด้านสังคมสงเคราะห์ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ บริษัท มีเดีย เอกซ์เพอร์ทีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จึงร่วมกับ โรงแรมสุโขทัย-กรุงเทพฯ จัดงานมอบรางวัล "ผู้หญิงดีเด่น ปี ๒๕๔๙" หรือ "Prestige Woman of the Year" และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทรงเป็นประธานประทานรางวัล "ผู้หญิงดีเด่น ปี 2549" ในครั้งนี้ หลังจากเลือก เฟ้น ค้นหา ผู้หญิงเก่งจากทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว สำหรับรางวัลแบ่งออกเป็น 6 สาขา หนึ่งในนั้นประกอบด้วย "ภิกษุณีธัมมนันทา" ประจำวัตรทรงธรรมกัลยาณี ได้รับรางวัล ผู้หญิงนักพัฒนาการศึกษา เป็นนักพัฒนาการศึกษาด้าน "ศาสนา" ที่เน้นภาคทฤษฎีควบคู่ไปกับการปฏิบัติ ![]() หลวงแม่บอกว่า การให้การศึกษาไม่ใช่สอนแค่ความรู้จากตัวหนังสือเท่านั้น แต่ต้องสอนให้เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ทำให้ชีวิตดีขึ้น โดยกล่าวถึงหลักในการสอนหลักสูตรพุทธศาสนาว่า จะเน้นสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในภาคปฏิบัติ "อาตมาคิดว่าการให้การศึกษาไม่ใช่แค่การให้ความรู้จากตัวหนังสือ แต่ต้องเป็นการศึกษาที่เป็นการนำไปสู่การดำเนินชีวิต ให้เป็นชาวพุทธที่ดีขึ้น การอบรมพุทธศาสนาของแม่ จะมีด้วยกัน 3 วัน หลักในการสอนของอาตมาจะเป็นการสอนแบบง่ายๆ ให้รู้จักทุกข์และการพ้นทุกข์ ลูกศิษย์ที่มาเรียนกับอาตมาจะเป็นผู้หญิง เวลาที่อาตมาออกบิณฑบาต ก็จะออกไปด้วยกัน และนอนด้วยกัน เพื่อให้เขาได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตในธรรมะเป็นอย่างไร" หลวงแม่กล่าว สำหรับรางวัลแบ่งออกเป็น ๖ สาขา ประกอบด้วย ๑.ผู้หญิงนักพัฒนาการศึกษา คือ ภิกษุณี ธัมมนันทา หรือ ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ๒.ผู้หญิงนักบริหาร คือ "ปุ้ย" วรรณพร พรประภา ๓.ผู้หญิงนักบริหารรุ่นใหม่ คือ "น้องข่าว" น้ำพุฟ้า เพชรแก้ว ๔.คุณแม่นักธุรกิจ คือ รัชนีวรรณ บูลกุล ![]() ศจ.เกียรติคุณ พ.ญ.สุมาลี นิมมานนิตย์ วัย ๖๖ ปี แพทย์อายุรศาสตร์และอายุรศาสตร์โรคไต และอาจารย์แพทย์คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เป็นผู้นำทางด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างแก่ลูกศิษย์และแพทย์รุ่นน้อง ด้วยความเป็นผู้รู้และเข้าใจพระพุทธศาสนาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ด้วยความสนใจยิ่งต่อจิตใจและความรู้สึกของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง ทำให้ พ.ญ.สุมาลี ผลักดันให้เกิด "โครงการรักษาใจยามเจ็บป่วย" เพื่อให้ผู้ป่วยคลายความเครียดและความทุกข์ทรมาน เพื่อที่จะปรับตัวเข้ากับภาวะความเจ็บป่วยได้ดีขึ้น โดยจัดกลุ่มให้ร่วมกันทำความเข้าใจความเจ็บป่วย อบรมฝึกสติและสมาธิภาวนาเพื่อให้กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยตาม ด้าน "น้องข่าว" น้ำพุฟ้า เพชรแก้ว วัย ๑๕ ปี ได้รับรางวัล ผู้หญิงนักบริหารรุ่นใหม่ ซึ่งผลงานของเธอที่ผ่านมา คือ เขียนพ็อคเก็ตบุ๊คชื่อ "มองโลกด้วยตาหยี" โดยเป็นการรวบรวมบทความที่เขียนลงนิตยสารพลเมืองเหนือ และเคยได้รับรางวัลพระราชทาน โครงการแฟนต้ายุวทูต ล่าสุดเธอเข้าร่วมกับโครงการ สคูล ลิ่งกิ้ง โปรเจคท์ (School Linking Project) ของ บริติช เคาน์ซิล หน่วยงานวัฒนธรรมของอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กไทยได้มีโอกาสติดต่อสื่อสารกับเด็กต่างประเทศ เพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษอีกรูปแบบหนึ่ง "ข่าวเป็นคนชอบทำกิจกรรม เพราะทำให้ข่าวได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ได้เจอคนมากมาย ได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเอง ที่ข่าวเลือกเขียนหนังสือเพื่ออยากจะให้ผู้ใหญ่เขาได้รับรู้ถึงความคิดเด็กๆ บ้าง ว่าเด็กเขามีความคิดกันอย่างไร อย่างเวลาที่ผู้ใหญ่ตีเด็กผิดหรือเปล่า เพราะข่าวเชื่อว่าเด็กทุกคนไม่อยากให้โดนตี แต่อยากจะให้ผู้ใหญ่คุยกันด้วยเหตุผล เพราะเด็กๆ เขาก็ฟังที่ผู้ใหญ่พูดรู้เรื่อง" ผู้รับรางวัลผู้หญิงนักบริหารรุ่นใหม่กล่าว ถึงแม้จะเป็นเด็กที่รักการทำกิจกรรม แต่ข่าวก็บริหารเวลาเรียนกับการทำกิจกรรมได้อย่างลงตัว และไม่เคยทำให้การเรียนเสียแต่อย่างใด ด้วยการครองเกรดเฉลี่ย ๔.๐๐ มาโดยตลอด ซึ่งข่าวเผยถึงเคล็ดลับการเรียนของตัวเองว่า "เวลาเรียนข่าวจะเรียนอย่างเต็มที่ เวลาที่นอกเหนือจากการเรียน ข่าวจะเอาไปทำกิจกรรม คือ ข่าวจะไม่เหมือนคนอื่นที่เลิกเรียนแล้วจะต้องไปเรียนพิเศษ เพราะข่าวคิดว่าถ้าเวลาเรียนเราตั้งใจพอแล้ว ก็เอาเวลาที่เหลือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นดีกว่า ข่าวฝันอยากจะเป็นนักบิน เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากตอนเด็กๆ ต้องเดินทางบ่อย เวลาไปสนามบินจะเห็นนักบินเดินนำหน้าแอร์โฮสเตส ข่าวรู้สึกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ต้องมีความรับผิดชอบ อีกอย่างเวลาที่เราเดินทางไปที่อื่นก็จะได้เห็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เพียงแค่ที่สนามบินของเมืองนั้นๆ ด้วย" ข่าว กล่าวทิ้งท้าย ทั้งหมดนี้คงเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของผู้หญิงไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคมโลกได้อย่างมากทีเดียวค่ะ เป็นอีกรางวัลที่ทำให้ผู้หญิงมีกำลังใจทำงานมากขึ้น |