คณะอนุกรรมาธิการสตรี
วุฒิสภา
หนุนบวชภิกษุณีในประเทศไทย
รายงานการศึกษาชี้ชัดไม่มีข้อห้ามทางพระธรรมวินัยพระภิกษุสงฆ์สามารถบวชภิกษุณีได้ไม่ยุ่งยากตามที่คณะสงฆ์อ้าง
ระเบียบรัตน์
พงษ์พานิช แฉผู้หญิงที่จะมาบวชไม่ใช่เพราะอกหัก
หรือสามีมีเมียน้อย
แต่ต้องการบรรลุธรรมเหมือนกับผู้ชาย
ที่มีจำนวนไม่น้อยบวชเพราะจน
บวชเพราะแก้บน
ไม่ควรปิดกั้น
เตรียมเสนอแก้ พ.ร.บ.สงฆ์
ให้บรรจุคำว่าภิกษุณีเพื่อรับรองสิทธิ
เผยมี 2 แห่งที่พร้อมบวชภิกษุณีแล้ว
รายงานการศึกษาอนุกรรมาธิการสตรี
วุฒิสภา
หนุนบวชภิกษุณีในไทย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7
ม.ค. ที่ห้องประชุม
113 อาคารรัฐสภา 2
นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช
ประธานคณะอนุกรรมาธิการสตรี
วุฒิสภา
เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อสรุปรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการบวชภิกษุณีในประเทศไทยว่า
อนุกรรมาธิการฯ
ได้ศึกษาการบวชภิกษุณี
ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่
15 พ.ค. ถึงวันที่
15 พ.ย. 2545 รวม
6 เดือน
โดยได้เชิญตัวแทนคณะสงฆ์
พระภิกษุ นักวิชาการ
องค์กรพระพุทธศาสนาองค์กรผู้หญิง
กว่า 20 คน
ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาร่วมแสดงความคิดเห็น
พบว่าไม่มีข้อห้ามทางพระธรรมวินัยข้อใดห้ามไม่ให้มีการบวชภิกษุณี
โดยพระที่เห็นด้วยที่จะให้มีการบวชภิกษุณีส่วนใหญ่เป็นพระที่ไม่หวังยศถาบรรดาศักดิ์
ส่วนที่ไม่เห็นด้วยหวังจะได้เป็นเจ้าคุณ
นางระเบียบรัตน์กล่าวว่า
การศึกษาแบ่งเป็น 5
บทประกอบด้วย 1. สภาพปัญหาและความเป็นมาของภิกษุณี
2. ประวัติการสืบสายและการเกิดของภิกษุณีในประเทศไทย
3. ทรรศนะความเห็นของบุคคลที่กรรมาธิการเชิญมา
4. ความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ในการบวชภิกษุณีและ
5. ทางออก
โดยเนื้อหาสำคัญคือพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีได้และไม่มีข้อห้ามใดที่ขัดต่อพระธรรมวินัยที่ห้ามไม่ให้ผู้หญิงบวช
เพราะในหลักฐานที่ปรากฏในภิกษุณีขันธกะ
พระวินัยปิฎก ภาษาไทย
ฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ระบุว่า ภิกษุณีทั้งหลายเราอนุญาตให้ภิกษุณีทั้งหลายอุปสมบทภิกษุณี
ดังนั้น
ข้ออ้างที่ว่าเมื่อไม่มีภิกษุณีสงฆ์แล้วจะบวชภิกษุณีอีกไม่ได้จึงไม่ถูกต้อง
ทั้งยังไม่มีข้อใดห้ามภิกษุบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณี
ขณะที่คำสั่งของสมเด็จพระสังฆราช
ปี พ.ศ. 2471 ที่มหาเถรสมาคมปัจจุบันนมาเป็นข้ออ้างห้ามไม่ให้พระภิกษุบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณีนั้นเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่ง
แต่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจากคำสอนของพระพุทธเจ้าพบว่าทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีได้โดยภิกษุสงฆ์
หมายความว่า
พระภิกษุสามารถบวชภิกษุณีได้
ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากอย่างที่ยกมากล่าวอ้าง
ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ
กล่าวต่อว่า
สำหรับข้ออ้างที่คณะสงฆ์ระบุว่า
การสืบสายภิกษุณีสงฆ์สูญสิ้นไปแล้วไม่เป็นความจริง
เพราะไม่เคยมีภิกษุณีในประเทศไทยเคยมีความพยายามของผู้หญิงที่จะบวชแต่ถูกปิดกั้นจากคณะสงฆ์และรัฐ
และตามหลักฐานยังพบว่าภิกษุณีที่ศรีลังกาและจีน
ล้วนสืบสายพระศาสนาไปจากประเทศไทยทั้งสิ้น
ขณะที่ข้ออ้างว่าการบวชภิกษุณีต้องบวชโดยสงฆ์สองฝ่ายคือบวชโดยภิกษุสงฆ์ฝ่ายหนึ่งและภิกษุณีอีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
การบวชภิกษุณีสงฆ์เป็นสังฆกรรมครั้งเดียวที่ทำโดยภิกษุสงฆ์
ส่วนที่คณะสงฆ์ยกเอาครุธรรม
8 ขึ้นอ้างว่าเป็นกลไกที่พระพุทธเจ้าต้องการจำกัดสิทธิของภิกษุณี
ถือว่าเป็นการจ้วงจาบพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธเจ้าต้องการให้ผู้หญิงบวชพร้อมกับทรงรับรองว่าผู้หญิงมีความสามารถและศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ทัดเทียมผู้ชาย
นางระเบียบรัตน์กล่าวว่า
ที่ผ่านมาพระพุทธศาสนาขับเคลื่อนขาเดียว
คือพระภิกษุ
แต่วันนี้กำลังมีขาใหม่เกิดขึ้น
คือภิกษุณี
ตนไม่ได้ท้าทายคณะสงฆ์
แต่ให้สิ่งที่ถูกต้องแก่สังคม
ต้องพิจารณาเปิดใจรับฟังด้วยเหตุผล
ผู้หญิงไม่ต้องการความรุนแรง
ตนเชื่อมั่นในพระผู้ใหญ่ที่มีเมตตาแต่ไม่ชอบพระที่ออกมาเคลื่อนไหว
ผู้หญิงถูกกดและกีดกันมานานไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ศาสนา
พระบางรูปบอกว่าอย่าเอารัฐธรรมนูญ
หรือสิทธิสตรีมาใช้กับศาสนาตนอยากถามว่าทำไมพระต้องทำตัวอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ
พระชอบอ้างว่าผู้หญิงต้องการบวชเพราะอกหัก
เพราะสามีมีเมียน้อย
แต่พระไทยก็มีจำนวนมากที่มาบวชเพราะจน
บวชเพราะต้องการมาเรียน
และบวชแก้บน
สาเหตุที่พระไม่ต้องการให้ผู้หญิงมาบวชภิกษุณี
เพราะกลัวคนจะศรัทธา
กลัวผู้หญิงจะเป็นเจ้าอาวาสแล้วชิงศรัทธาไปจากพระผู้ชายมากกว่า
เพราะผู้หญิงมีความอุตสาหะกว่าผู้ชาย
และผู้หญิงก็ต้องการบรรลุธรรม
ถ้าประเทศไทยบวชภิกษุณีได้
ต่างชาติจะยอมรับว่ามีอารยธรรม
และขณะนี้มีสถานที่พร้อมที่จะบวชภิกษุณีแล้ว
คือวัตรทรงธรรมกัลยาณี
ของหลวงแม่สามเณรีธัมมนันทา
จ.นครปฐม และวัดสุนีย์ศรัทธาธรรม
จ.ฉะเชิงเทรา
ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ
กล่าวว่า ในวันที่ 15
ม.ค.นี้
ตนจะนำเสนอรายงานต่อนายวัลลภ
ตังคณานุรักษ์
ประธานคณะกรรมการสตรีและผู้สูงอายุ
วุฒิสภาและจะส่งรายงานถึงมหาเถรสมาคม
องค์พระพุทธศาสนาทั้งหมด
องค์กรสตรี
และจะเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นตลอดจนออกไปทำความเข้าใจต่อประชาชนในพื้นที่ต่าง
ๆ
เพื่อให้เกิดความถูกต้องขึ้นในสังคม
รวมทั้งจะเสนอแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์
ให้มีการบรรจุคำว่าภิกษุณีเพื่อให้มีการรับรองสิทธิด้วย
นอกจากนั้น
ตนได้เรียนนายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ซึ่งรับปากว่าจะนำผลการศึกษาเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรฯ
จะขอให้ผู้หญิงและฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย
|